2nd benefit

2nd benefit

เครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ ค้านเข้าร่วม CPTPP

630629 news
เครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอคัดค้านการเข้าร่วมสมาชิก ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP เนื่องจาก UPOV 1991 เป็นความสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียพันธุกรรมพืชสมุนไพร และเสี่ยงการผูกขาดตลอดห่วงโซ่การผลิตสมุนไพร  รายละเอียดดังนี้

 

จดหมายเปิดผนึก
คัดค้านการเข้าร่วมสมาชิก ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership)

วันที่ 29 มิถุนายน 2563

กราบเรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ด้วยเครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายที่ดำเนินงานส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกัน ฟื้นฟูและบำบัดรักษาโรคให้กับคนในชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางการพึ่งตนเองด้านสุขภาพที่สำคัญยิ่งและเป็นรากฐานสุขภาวะของคนไทย จากการทำงานที่ผ่านมาได้สนับสนุนให้หมอพื้นบ้าน ปราชญ์ชุมชน ต่าง ๆ รวมรวมความรู้ทั้งจากเอกสารโบราณหรือคัมภีร์ดั้งเดิม รวมถึงจัดการความรู้จากประสบการณ์ของหมอพื้นบ้านนับพันคน นำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี รวมทั้งตำรับยาหลายตำรับยังได้รับความสนใจจากหน่วยงานวิชาการและหน่วยงานราชการนำไปศึกษาพัฒนาต่อยอดอีกด้วย ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพนั้นเกี่ยวข้องกับพันธุ์พืชสมุนไพรอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการนำมาใช้ในอาหารสมุนไพร และตำรับยาในการบำบัดรักษาโรคต่าง ๆ มากมาย

เครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค ได้ติดตามสถานการณ์ที่รัฐบาลจะอนุมัติให้ประเทศไทยไปเข้าร่วมเจรจาเพื่อเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership) ซึ่งเครือข่ายฯ พบว่าจะนำความเสียหายต่อพันธุ์พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพอย่างใหญ่หลวง เปรียบเสมือน “การตกเป็นเมืองขึ้นทางภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ” เพราะพืชพันธุ์ที่เป็นทั้งอาหารและสมุนไพรต่าง ๆ ที่บริษัทเอกชนได้สิทธิครอบครองไปนั้น เข้าข่ายการผูกขาดและทำลายวิถีชีวิตและสิทธิดั้งเดิมของบรรพชนที่เคยปลูกต้นไม้ไว้ให้ลูกหลานใช้เป็นอาหารและยา และใช้ประกอบสัมมาอาชีพต้องสูญสลายไป เครือข่ายหมอพื้นบ้านจึงขอคัดค้านการเข้าร่วม CPTPP ดังกล่าว ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

(1) ความสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียพันธุ์กรรมพืชสมุนไพร
การที่ประเทศไทยเข้าร่วม CPTPP จะต้องยอมรับการเข้าร่วมในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ อนุสัญญายูปอฟ 1991 – UPOV 1991 ซึ่งเป็นการคุ้มครองคล้ายกฎหมายสิทธิบัตร ดังนั้น UPOV 1991 ส่งผลกระทบต่อการปรับปรุงสายพันธุ์พืช และส่งผลต่อสิทธิของผู้ปรับปรุงพันธุ์ของพืชทั้งอาหารและสมุนไพรแน่นนอน การให้สิทธิคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่นั้นนำมาจากพันธุ์พืชตามธรรมชาติหรือพันธุ์ที่เกษตรกร หมอพื้นบ้านได้ช่วยกันคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์มาอย่างยาวนาน แต่เมื่อนักปรับปรุงพันธุ์ของบริษัทนำไปปรับปรุงกลับได้สิทธิผูกขาดไปทันที วิถีปกติที่เก็บพันธุ์จากสวนไร่นาป่าเขาเพื่อนำมาเพาะขยายพันธุ์และพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ต่อไปได้นั้นจะไม่สามารถทำได้อีก หรือต้องขออนุญาต และจะต้องจ่ายเงินให้เสียก่อน มิเช่นนั้นก็จะสุ่มเสี่ยงกลายเป็นอาชญากรทำผิดกฎหมาย ประเทศไทยจะต้องสูญเสียพันธุ์พืชสมุนไพรไป ทั้งๆ ที่สิทธิการปลูกเป็นความมั่นคงของอาหารและสมุนไพรของชุมชนสืบต่อมาแต่บรรพกาล

ที่ผ่านมาประเทศไทยทำตาม UPOV 1978 ซึ่งได้สูญเสียหรือมีผลกระทบไปบ้างแล้ว แต่โดยสาระสำคัญนั้นไม่โหดร้ายหรือไม่ส่งผลกระทบต่อคนไทยมากเท่ากับ UPOV1991เนื่องจาก UPOV 1978 จะคุ้มครองพืชที่ได้รับสิทธิในการปรับปรุงพันธุ์อย่างน้อย 24 ชนิดและจะต้องเร่งประกาศการให้สิทธิคุ้มครองใน 8 ปี และยังคงสิทธิของเกษตรกรในการเก็บพันธุ์ไปปลูกต่อได้ ซึ่งประเทศไทยยอมให้เกิดผลกระทบในวงจำกัดแล้ว แต่ UPOV1991 จะให้สิทธิคุ้มครอง “พืชทุกชนิด” และให้เวลาประกาศใน 10 ปี อีกทั้งยังลิดรอนสิทธิเกษตรกรและหมอพื้นบ้านในการเก็บพันธุ์ไปปลูกต่อ การยอมให้สิทธินักปรับปรุงพันธุ์พืชทุกชนิดเช่นนี้ และริดรอนสิทธิเกษตรและหมอพื้นบ้านเช่นนี้ ประเทศไทยซึ่งร่ำรวยความหลายหลายทางชีวภาพยังจะเหลืออะไรอีก ?

(2) ความสุ่มเสี่ยงการผูกขาดตลอดห่วงโซ่การผลิตสมุนไพร
ขอบเขตการให้สิทธิคุ้มครองใน UPOV1991 ไม่เพียงได้สิทธิครอบครองพันธุ์พืชที่มีการปรับปรุงใหม่ไปแล้ว หรือเรียกว่าได้ ”ผูกขาด” พันธุ์พืชและห้ามใครนำไปปลูกต่อแล้ว UPOV 1991 ยังได้สิทธิผูกขาดไปถึงผลผลิตและผลิตภัณฑ์ เพราะถ้าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนของพันธุ์พืชที่มีผู้ถือสิทธิครอบครองไว้ ก็จะสามารถตามมาเอาผิดทางกฎหมายได้อีก ดังนั้นเกษตรกรไทย หมอพื้นบ้าน ผู้ผลิตยาสมุนไพรจะเป็นเพียงผู้ปลูกที่ซื้อเมล็ดพันธุ์หรือพันธุ์ไปตลอด ห้ามนำพันธุ์ไปปลูกต่อ และหากนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ก็ต้องจ่ายผลประโยชน์ให้กับเจ้าของพันธุ์ด้วย ดังนั้น UPOV1991 จะพาวิถีชีวิตของเกษตรกรและหมอพื้นบ้าน ซึ่งเป็นนักปลูกพืช นักขยายพันธุ์พืช และนักผลิตผลิตภัณฑ์ที่สืบต่อมาแต่บรรพบุรุษดำดิ่งลงสู่ความหายนะอย่างแน่นอน

(3) ความไม่น่าเชื่อถือของแนวทางเข้าเจรจาก่อน หากไม่พอใจก็ไม่ต้องเข้าร่วม
แม้ว่ามีข้าราชการ นักวิชาการและนักลงทุนจำนวนหนึ่งพยายามสื่อสารเสนอแนวทางให้เข้าร่วมการเจรจาเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไม่ร่วมเจรจานั้น โดยเสนอทำนองว่าการเจรจาอาจนำไปสู่การต่อรองไม่รับในสิ่งที่ประเทศไทยเสียเปรียบหรือส่งผลกระทบต่อไทยได้ ทางเครือข่ายฯ ได้ศึกษาจากบทเรียนในประเทศที่เข้าร่วม CPTPP แล้ว พบว่าทุกประเทศไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้มีแต่ต้องยอมรับ UPOV1991 จะทำได้เพียงขอผ่อนผันการบังคับใช่ แต่ถึงที่สุดประเทศเหล่านั้นไม่สามารถหลุดรอดจาก UPOV1991 เช่น ประเทศนิวซีแลนด์และบรูไน ขอผ่อนผัน 3 ปี มาเลเซียและเม็กซิโก ขอผ่อนผัน 4 ปี ใครก็ตามที่อ้างให้เข้าสู่การเจรจาก่อนนั้นจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ เครือขายฯ จึงมีความกังวลและห่วงใยที่จะพาประเทศสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียอิสรภาพและการพึ่งตนเองทางอาหารและสมุนไพร

เครือข่ายฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี จะมีความตระหนัก และไม่อนุมัติให้ประเทศไทยไปเข้าร่วมเจรจาเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP เพราะจะนำมาซึ่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงอย่างที่ไม่สามารถจะฟื้นคืนได้ต่อพันธุ์พืชสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพของไทย

ด้วยความนับถืออย่างสูง

 (นายรณเกียรติ คำน้อย)

เครือข่ายหมอพื้นบ้านจังหวัดแพร่
ตัวแทนเครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค