'กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ' ไม่ขอร่วมวงแก้ไข ก.ม.บัตรทองพรุ่งนี้ เหตุผู้บริหาร สธ.เอียงข้าง รพ.ใหญ่ในเมือง
ตามที่ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงนัดหารือเรื่องแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติฯ ในประเด็นที่ยังเห็นต่างกัน คือ การแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว และสัดส่วนคณะกรรมการ โดยทาง นพ.มรุต จิรเศรษฐศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ ได้นัดประชุมเวลาบ่ายวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.60) นั้น
น.ส.สุภัทรา นาคะผิว โฆษกกลุ่มคนหลักประกันสุขภาพ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มฯ คงไม่สามารถเข้าร่วมประชุมดังกล่าว เนื่องจากผู้บริหาร สธ.ยังยืนยันที่จะให้ตัวแทน รพ.ขนาดใหญ่ และ รพ.ขนาดเล็กบางส่วนที่สนับสนุนการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัวเข้าร่วมประชุม แต่ไม่รับข้อเสนอของทางกลุ่มฯ ที่ให้เชิญตัวแทน รพ.ในชนบท ที่จะได้รับผลกระทบจากการแยกเงินเดือนครั้งนี้เข้าร่วมประชุมด้วย
"เราขอบคุณรัฐมนตรี สธ.ที่พยายามแก้ไขความเห็นต่างด้วยการให้ความสำคัญของการพูดคุยกันโดยใช้ข้อมูลความรู้และงานวิจัยต่างๆ เพื่อหาทางออกของการแก้ไขกฎหมายบัตรทองในขณะนี้ แต่จากสัดส่วนองค์ประชุมที่หัวหน้าผู้ตรวจราชการ สธ.แจ้งมา ว่าตัวแทน สธ.จะมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในภาคกลาง 2 แห่ง และอาจเพิ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กในภาคกลางเข้าร่วมเท่านั้น โดยไม่ได้สนใจข้อท้วงติงของทางกลุ่มฯ ที่ขอให้เชิญตัวแทนของโรงพยาบาลในชนบททางภาคอีสาน หรือ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ที่จะได้รับผลกระทบจากการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัวมาเข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งที่โรงพยาบาลในชนบทเหล่านี้ก็อยู่ในสังกัด สธ. เช่นเดียวกัน และจะกระทบกับการจ้างลูกจ้างพยาบาลและสหวิชาชีพ จนส่งผลต่อการดูแลประชาชนในชนบทในที่สุด"
"แม้รัฐมนตรีจะเจตนาดีให้มีการพูดคุย หารือเพื่อหาทางออก แต่เจ้าหน้าที่ สธ.ยังคงเดินย้ำรอยเดิม เอาคนเดิมๆเข้ามาคุย ข้อสรุปคงไม่เปลี่ยน จึงเชื่อได้ว่าเจตนารมณ์รัฐมนตรีคงเป็นหมัน" โฆษกกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพกล่าวย้ำ
ทั้งนี้ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ยังพร้อมที่จะหารือด้วยเหตุด้วยผล และ ใช้ข้อมูลการศึกษาและงานวิจัยต่างๆ เพื่อแก้ไขกฎหมายบัตรทองให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ควรเป็นขณะนี้คือ ต้องแก้เฉพาะในประเด็นที่เป็นไปตามคำสั่ง มาตรา 44 ที่ 37/2559 และให้เพิ่มอำนาจหน้าที่ให้ สปสช.สามารถจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็น ตามที่ได้ดำเนินการมาด้วยดีตลอด 10 กว่าปีมานี้ได้เท่านั้น
ส่วนประเด็นการแยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว และการเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการนั้น เป็นประเด็นที่ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาวิกฤติกำลังคน และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ยังไม่พึงนำมาพิจารณาในการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้
ทางด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ใส่ใจผลกระทบที่จะเกิดกับ รพ.ในชนบท ทั้งที่นี่จะเป็นมหาวิกฤตสาธารณสุขครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นจากนโยบายของผู้บริหารชุดนี้
"ขอประกาศจุดยืนว่า เงินเดือนต้องอยู่ในเงินเหมาจ่ายรายหัวไม่สามารถแยกได้ เพราะหากแยกออกไปแล้วโรงพยาบาลในเมืองก็จะไม่เกิดสำนึกทางการเงิน เวลาใครขอย้ายจากชนบทไปอยู่ในเมือง เมืองก็จะรับทันทีเพราะไม่ต้องจ่ายเงินอะไร แต่ถ้ายังรวมอยู่ในรายหัวเหมือนเดิม โรงพยาบาลเมืองก็จะประเมินแล้วว่าคนของตัวเองเยอะเกิน อาจจะไม่รับเพิ่มดีกว่า ตรงนี้จะเป็นแรงช่วยดันไว้ช่วยชะลอไม่ให้แพทย์ไหลจากชนบทไปสู่เมืองได้เร็วขึ้น การกระจายบุคลากรจะไม่เกิด แต่จะเกิดการกระจุกตัวในเขตเมือง ในชนบทจะยิ่งขาดแคลนบุคลากรมากขึ้น เงินงบประมาณด้านสุขภาพของภาคอีสานและตะวันตกจะแย่ลง คุณภาพบริการก็จะแย่ตามไปด้วย ประเด็นทางการเมืองจะตามมา และเท่ากับผู้บริหาร สธ.ผลักมิตรให้เป็นศัตรูกับรัฐบาลนี้" ประธานชมรมแพทย์ชนบทกล่าว