2nd benefit

2nd benefit

  • หน้าแรก
  • ด้านอาหาร ยา หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ

มพบ.หนุน อย. ออกประกาศห้าม ผลิต นำเข้า จำหน่ายอาหารที่มี 'กรดไขมันทรานส์'

610717 news
มพบ.สนับสนุน อย. ออกประกาศห้าม ผลิต นำเข้า จำหน่ายอาหารที่มี 'กรดไขมันทรานส์'  เป็นผลดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ด้วยระยะเวลา 180 วัน น่าจะเพียงพอที่ผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวและหันมาปรับปรุงสูตร

จากการที่ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายไขมันทรานส์นั้น

ตามที่ระบุในราชกิจจานุเบกษาว่า ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่ากรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 6 (8) แห่งพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 รมว.สาธารณสุขออกประกาศไว้ให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ทั้งนี้ ให้ประกาศดังกล่าวใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า ตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ออกประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้อีก 180 วัน ซึ่งคิดว่านานไป แต่ก็ต้องยอมรับและเป็นการให้โอกาสผู้ประกอบการในการเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนสูตรในการผลิต โดยไขมันทรานส์มักพบอยู่ในขนมเค้ก ขนมอบกรอบ ครีมเทียม หรือเนยเทียม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งโรคหัวใจ หลอดเลือด เมื่อเป็นโรคดังกล่าวจะมีความรุนแรงและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง จึงคิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องยุติการใช้ไขมันทรานส์ นอกจากนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มพบ. ได้มีการแถลงผลทดสอบไขมันทรานส์ในโดนัท รสช็อคโกแลต จำนวน 13 ยี่ห้อ พบว่ามี 5 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณไขมันทรานส์อยู่ในเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด (WHO) (ติดตาม Facebook LIVE ผลทดสอบ 'ไขมันทรานส์' ในโดนัทรสช็อกโกแลต ได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค) หลังจากนั้นมีผู้ประกอบการ 2 ราย ที่ มพบ. เผยผลทดสอบออกมาแล้วพบว่ามีส่วนผสมไขมันทรานส์เกินมาตรฐาน ได้ทำจดหมายมาถึง มพบ. ว่าได้เปลี่ยนสูตรการทำโดนัทแล้ว

"เราสนับสนุน อย. ในการออกประกาศฉบับนี้ เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ด้วยระยะเวลา 180 วัน น่าจะเพียงพอที่ผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวและหันมาปรับปรุงสูตร อีกทั้ง เมื่อผู้บริโภคตื่นตัวเรื่องไขมันทรานส์ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นและนำไปสู่การปรับปรุงสูตร ซึ่งจะเป็นผลดีกลับไปสู่ผู้บริโภคต่อไป นอกจากนี้ หลังออกประกาศไปแล้ว อย. ควรติดตามด้วยว่าผู้ประกอบการมีการทำตามระเบียบฉบับนี้มากเพียงใด" นางสาวสารีกล่าว